เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทางการศึกษาที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้
ICT เปลี่ยนแปลงโลกการศึกษา
1.
ลดช่องว่างการแข่งขันระหว่างองค์กรหรือสถาบันการศึกษาทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
2. ทำให้องค์กร/สถาบันการศึกษาขนาดใหญ่ต้องปรับตัวทั้งในด้านการบริหาร
การจัดการองค์กร รวมไปถึงวิธีดำเนินการ
3. ก่อให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจการศึกษามากขึ้น
4. สร้างช่องทางการขยายการศึกษามากขึ้น
5. เกิดการทำงานภายใต้หลักการ “การศึกษา 24 ชั่วโมง”
ผู้เรียนสามารถทำกิจกรรมทางการศึกษาตลอดเวลา
6.
สร้างรูปแบบของความร่วมมือทางการศึกษาหรือเครือข่ายการศึกษาที่หลากหลายขึ้น
7. ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งภายในองค์กรและภายนอกองค์กร
ให้เกิดแรงผลักดันในการจัดการศึกษารูปแบบแปลกใหม่มากขึ้น
ICT เอื้อประโยชน์ต่อห้องเรียน
1.
เป็นตลาดการศึกษาที่ผู้เรียนสามารถเลือกซื้อสินค้าความรู้และบริการการศึกษาจากแหล่งต่างๆ
ได้ทั่วโลก
2. สามารถคัดเลือกและเปรียบเทียบคุณภาพราคา
และช่วยประหยัดเวลาเนื่องจากไม่ต้องเดินทาง (ขณะนี้มีเว็บไซต์บริการให้เข้าศึกษาก่อนจ่ายเงินทีหลัง)
3. สามารถรับข้อมูลการศึกษาที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจหลากหลายแง่มุม เช่น รายละเอียดของหลักสูตร ข้อมูลอาจารย์ผู้สอน รวมถึงยังสามารถให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับ การจัดการศึกษานั้นๆ ได้โดยตรงอีกด้วย
4. ได้รับความสะดวกในการศึกษา เพราะสามารถนั่งศึกษาอยู่ที่บ้านหรือที่ใด ๆ ได้ทั่วโลกที่มีอินเทอร์เน็ต
3. สามารถรับข้อมูลการศึกษาที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจหลากหลายแง่มุม เช่น รายละเอียดของหลักสูตร ข้อมูลอาจารย์ผู้สอน รวมถึงยังสามารถให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับ การจัดการศึกษานั้นๆ ได้โดยตรงอีกด้วย
4. ได้รับความสะดวกในการศึกษา เพราะสามารถนั่งศึกษาอยู่ที่บ้านหรือที่ใด ๆ ได้ทั่วโลกที่มีอินเทอร์เน็ต
เทคโนโลยีสารสนเทศ IT
-การสอนใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI)
-สื่อประสม การใช้ตัวอักษร ภาพ ภาพเคลื่อนไหว
และเสียงในการเรียนการสอน
-ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
-ระบบสารสนเทศในการประมวลผล และจัดการข้อมูลภายใน
-ระบบฐานข้อมูล
-ระบบข่ายงานโดยใช้ระบบอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ตและเวิลด์ไวด์เว็บ
-ทำให้ทุกคนมีโรงเรียนที่ดี ครูที่มีความสามารถ
และวิชาเรียนที่น่าสนใจสำหรับผู้เรียนทุกคนไม่จำกัดวัยและสภาพ
-นำข้อมูลจากห้องสมุดทั่วโลกมาใช้ในการเรียนและวิจัยได้โดยรวดเร็ว
-จัดประชุมทางไกลโดยเห็นภาพและเสียงของผู้เข้าร่วมประชุมทั่วโลกได้
-แพทย์ใช้ในการรักษาคนไข้ทางไกล หรือให้คำแนะนำได้
-ทำงานที่บ้านได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
-ซื้อสินค้า โอนเงินเข้าธนาคาร ฯลฯ
การใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อการศึกษา
>>ทวิตเตอร์กับการเรียนการสอน
จากการจัดอันดับของเครื่องมือสารสนเทศที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการเรียนการสอนพบว่าทวิตเตอร์เป็นเครื่องมืออันดับหนึ่งในปี
พ.ศ. 2552 ด้วยเหตุผลดังนี้
- ทวิตเตอร์ทำให้ข่าวสารและข้อมูลแพร่กระจายไปสู่คนหมู่มากได้อย่างรวดเร็ว
- ทวิตเตอร์ช่วยทำให้
ทั้งให้และรับได้อย่างรวดเร็วรวมทั้งสามารถแลกเปลี่ยนการสนทนาความคิดกับผู้อื่นที่มีความสนใจได้ดี
-
ข้อความในทวิตเตอร์สั้นทำให้ได้รับข้อมูลที่ไม่ยาวเกินความจำเป็น
- มีแอพที่ทำให้การเข้าถึงทวิตเตอร์และการเผยแพร่ข้อมูลที่ทวิตเตอร์ง่าย
เช่น Google Chrome, Firefox ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทำให้หัวข้อฟีดไปแสดงที่บัญชีทวิตเตอร์โดยอัตโนมัติ
Facebook
1.การพัฒนาด้านภาษาซึ่งครูผู้สอนและผู้เรียนจำเป็นต้องใช้เฟซบุ๊กในการติดต่อสื่อสารและแสดงความเห็นต่างๆ
เกี่ยวกับวิชาที่เรียนบนเฟซบุ๊ก ทั้งนี้ การใช้
เฟซบุ๊กเป็นประจำในการเขียนและอ่านข้อความต่างๆ จะช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกการเขียน
การสะกดคำ และการใช้ไวยากรณ์ที่ถูกต้อง
2. การสื่อสารระหว่างบุคคลซึ่งเป็นสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครูผู้สอนกับครูผู้สอน
ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน
และผู้เรียนกับผู้เรียนในการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน
รวมถึงสนับสนุนให้ผู้เรียนกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นต่างๆ มากยิ่งขึ้น
3. การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มซึ่งเฟซบุ๊กเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เปิดโอกาสให้
ผู้เรียนผู้ใดผู้หนึ่งจะต้องรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายร่วมกับผู้เรียนผู้อื่นเป็นกลุ่ม
ซึ่งเป็นการฝึกทักษะการเป็นผู้นำและการเป็นผู้ตาม
4. เพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
Cloud computing บทบาทในวงการการศึกษา มีสาเหตุจาก
- ความนิยมการสื่อสารทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
โดยชีวิตของเด็กรุ่นใหม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตอย่างแยกจากกันไม่ได้
- กระแสลดภาวะโลกร้อน
ผสานกับความต้องการประหยัดงบประมาณที่เกี่ยวข้อง
- การใช้งานที่ง่าย สะดวก ไม่ซับซ้อน
ด้วยแนวคิดการออกแบบในยุค Cloud computing ที่เน้นการใช้งานในภาพรวมของกลุ่มคนส่งผลให้ระบบติดต่อผู้ใช้
ฟังก์ชันการใช้งานมีระบบที่ง่าย สะดวก ไม่ซับซ้อน ซึ่งสร้างแรงจูงใจให้ทุกคน
ทุกวัยมีความสนุกกับการใช้ไอที
บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อการศึกษา
-ช่วยในเรื่องการเรียนรู้
เป็นเครื่องมือสนับสนุนการเรียนรู้หลายด้าน มีระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI)
ระบบสนับสนุนการรับรู้ข่าวสาร เช่น
การค้นคว้าหาข้อมูลข่าวสารเพื่อการเรียนรู้ใน World Wide Web เป็นต้น
-ช่วยสนับสนุนการจัดการศึกษา
โดยเฉพาะการจัดการศึกษาสมัยใหม่ที่จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลข่าวสารเพื่อการวางแผน
การดำเนินการ การติดตามและประเมินผล ดังนั้น ICT จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ
-เทคโนโลยีสารสนเทศกับการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น
การสื่อสารระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน ผู้เรียนกับผู้เรียน โดยใช้ IT ในการดำเนินงาน เช่น การใช้โทรศัพท์ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ คอนเฟอเรนซ์
เป็นต้น
การสร้างสภาพแวดล้อมที่ใช้เป็นฐานการจัดการเรียนรู้
วารสารนานาชาติ CEEOL (Informatics Education-an
International Journal, Issue Vol 5/2006) รายงานว่า การสอนของครู
และการเรียนรู้ของนักเรียนที่ไม่สอดคล้องกันมีผลให้นักเรียนเครียดไปจนถึงล้มเหลวในการเรียนรู้
ความสมดุลระหว่างรูปแบบการสอนของครูและการเรียนของนักเรียนจึงเป็นสิ่งสำคัญ
เมื่อมีการเน้นกระบวนการเรียนรู้เป็นรายบุคคล การเรียนโดยใช้ ICT เป็นฐาน จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนมีทางเลือกในการเรียนรู้ได้หลายทาง
การเรียนรู้โดยไม่มีการสอน
ชีวิตจริงมีการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากการอยากเรียนอยากรู้ด้วยตนเองในสิ่งที่อยากรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง
ๆ หากรู้ความต้องการที่แท้จริงของนักเรียนที่สอดคล้องกับเนื้อหาสาระตามหลักสูตร
แล้วจัดแหล่งเรียนรู้ ตลอดจนระบบอินเทอร์เน็ตไว้พร้อมบริการได้เสมอ
จะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ได้โดยไม่ต้องสอน หรือสอนแบบพบปะในห้องเรียนน้อยลง
หลักการสำคัญ
1) ครูเป็นผู้นำส่งข้อมูลใหม่
ๆ กระตุ้นให้นักเรียนทำงาน เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่กำหนดไว้
2) การให้ความรู้ที่นักเรียนต้องการจะช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้
ดีกว่าการให้ความรู้ในสิ่งที่ครูต้องการ
3) นักเรียนเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้ฟัง
เป็นผู้ลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
4) การใช้เวลาในการทำงาน
หรืออ่านในสิ่งที่สนใจ จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ดีกว่าการฟังครูพูด
การใช้งานเป็นฐานการเรียนรู้
การนำงานมาเป็นศูนย์กลาง หรือเป็นหลักในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
แนวคิดนี้ได้รับการพัฒนาโดย N Prabhu จากประเทศอินเดีย
ที่เกิดจากแนวคิดที่ว่า นักเรียนจะเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพหากจิตใจแน่วแน่อยู่ที่งานที่ทำมากกว่าที่จะแน่วแน่อยู่ที่ภาษาที่ใช้
แบบแผนการใช้งานเป็นฐาน Jane Willis ได้ให้หลักการ PPP
(Presentation, Practice, Production) ที่นักเรียนจะเริ่มต้นด้วยการทำงาน
เมื่อทำเสร็จแล้วครูจะชักนำสู่การแก้ไข ปรับแต่ง
>>Jane Willis ได้เสนอกรอบแนวคิดเชิงกระบวนการไว้
3 ประการ ได้แก่
-นำเข้าสู่บทเรียนโดยหัวข้อเนื้อหาสาระ
และงานที่จะมอบหมายให้ทำ
-วางแผน ทำงาน และรายงานผล
-เน้นย้ำที่การใช้ภาษา วิเคราะห์ และฝึกปฏิบัติ (Analysis
and practice)
รูปแบบการสอนโดยใช้ ICT
-เวิล์ดไวด์เว็บ (World Wide Web)
-ใช้สำหรับเป็นแหล่งความรู้เพื่อการสืบค้น
-อีเมล์ (e-mail)
-ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างอาจารย์หรือเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกัน
-กระดานข่าว (web board)
-ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างผู้เรียน อาจารย์
และผู้เรียนเป็นกลุ่ม ใช้กำหนดประเด็นหรือกระทู้ตามที่อาจารย์กำหนด หรือตามแต่นักเรียนกำหนด
เพื่อช่วยกันอภิปรายตอบคำถามในประเด็นที่เป็นกระทู้นั้น ๆ
-แชท (Chat)
-ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างผู้เรียน อาจารย์และผู้เรียน
โดยสนทนาแบบเวลาจริง (Real time) โดยมีทั้งสนทนาด้วยตัวอักษรและสนทนาทางเสียง
(Voice chat)
ไอซีคิว (ICQ)
-ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างผู้เรียน
อาจารย์และผู้เรียนโดยการสนทนาแบบเวลาจริง หรือจากนั้นแล้วเก็บข้อความไว้
คอนเฟอเรนซ์ (Conference)
-ใช้ติดต่อสารสารระหว่างผู้เรียน อาจารย์
และผู้เรียนแบบเวลาจริง
โดยที่ผู้เรียนและอาจารย์สามารถเห็นหน้ากันได้โดยผ่านทางกล้อง
ใช้บรรยายให้ผู้เรียนเสมือนว่ากำลังเรียนอยู่ในห้องเรียนจริง ๆ
การบ้านอิเล็กทรอนิกส์
-ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้เรียน
อาจารย์เป็นเสมือนสมุดประจำตัวนักเรียน โดยที่นักเรียนไม่ต้องถือสมุดการบ้านจริง ๆ
และใช้ส่งงานตามที่อาจารย์กำหนด เช่น
ให้นักเรียนรายงานโดยที่อาจารย์สามารถเปิดดูการบ้านอิเล็กทรอนิกส์ของนักเรียนและเขียนบันทึกเพื่อตรวจงาน
และให้คะแนนได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น