วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทางการศึกษาที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้


เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทางการศึกษาที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้
ICT เปลี่ยนแปลงโลกการศึกษา
1. ลดช่องว่างการแข่งขันระหว่างองค์กรหรือสถาบันการศึกษาทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
2. ทำให้องค์กร/สถาบันการศึกษาขนาดใหญ่ต้องปรับตัวทั้งในด้านการบริหาร การจัดการองค์กร รวมไปถึงวิธีดำเนินการ
3. ก่อให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจการศึกษามากขึ้น
4. สร้างช่องทางการขยายการศึกษามากขึ้น
5. เกิดการทำงานภายใต้หลักการ “การศึกษา 24 ชั่วโมง” ผู้เรียนสามารถทำกิจกรรมทางการศึกษาตลอดเวลา      
6. สร้างรูปแบบของความร่วมมือทางการศึกษาหรือเครือข่ายการศึกษาที่หลากหลายขึ้น
7. ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งภายในองค์กรและภายนอกองค์กร ให้เกิดแรงผลักดันในการจัดการศึกษารูปแบบแปลกใหม่มากขึ้น

ICT เอื้อประโยชน์ต่อห้องเรียน
1. เป็นตลาดการศึกษาที่ผู้เรียนสามารถเลือกซื้อสินค้าความรู้และบริการการศึกษาจากแหล่งต่างๆ ได้ทั่วโลก
2. สามารถคัดเลือกและเปรียบเทียบคุณภาพราคา และช่วยประหยัดเวลาเนื่องจากไม่ต้องเดินทาง (ขณะนี้มีเว็บไซต์บริการให้เข้าศึกษาก่อนจ่ายเงินทีหลัง)
3. สามารถรับข้อมูลการศึกษาที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจหลากหลายแง่มุม เช่น รายละเอียดของหลักสูตร ข้อมูลอาจารย์ผู้สอน รวมถึงยังสามารถให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับ การจัดการศึกษานั้นๆ ได้โดยตรงอีกด้วย
4. ได้รับความสะดวกในการศึกษา เพราะสามารถนั่งศึกษาอยู่ที่บ้านหรือที่ใด ๆ ได้ทั่วโลกที่มีอินเทอร์เน็ต

เทคโนโลยีสารสนเทศ IT
-การสอนใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI)
-สื่อประสม การใช้ตัวอักษร ภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียงในการเรียนการสอน
-ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
-ระบบสารสนเทศในการประมวลผล และจัดการข้อมูลภายใน
-ระบบฐานข้อมูล
-ระบบข่ายงานโดยใช้ระบบอินเทอร์เน็ต

อินเทอร์เน็ตและเวิลด์ไวด์เว็บ
-ทำให้ทุกคนมีโรงเรียนที่ดี ครูที่มีความสามารถ และวิชาเรียนที่น่าสนใจสำหรับผู้เรียนทุกคนไม่จำกัดวัยและสภาพ
-นำข้อมูลจากห้องสมุดทั่วโลกมาใช้ในการเรียนและวิจัยได้โดยรวดเร็ว
-จัดประชุมทางไกลโดยเห็นภาพและเสียงของผู้เข้าร่วมประชุมทั่วโลกได้
-แพทย์ใช้ในการรักษาคนไข้ทางไกล หรือให้คำแนะนำได้
-ทำงานที่บ้านได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
-ซื้อสินค้า โอนเงินเข้าธนาคาร ฯลฯ

การใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อการศึกษา
>>ทวิตเตอร์กับการเรียนการสอน
   จากการจัดอันดับของเครื่องมือสารสนเทศที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการเรียนการสอนพบว่าทวิตเตอร์เป็นเครื่องมืออันดับหนึ่งในปี พ.ศ. 2552 ด้วยเหตุผลดังนี้
    - ทวิตเตอร์ทำให้ข่าวสารและข้อมูลแพร่กระจายไปสู่คนหมู่มากได้อย่างรวดเร็ว
    - ทวิตเตอร์ช่วยทำให้ ทั้งให้และรับได้อย่างรวดเร็วรวมทั้งสามารถแลกเปลี่ยนการสนทนาความคิดกับผู้อื่นที่มีความสนใจได้ดี
    - ข้อความในทวิตเตอร์สั้นทำให้ได้รับข้อมูลที่ไม่ยาวเกินความจำเป็น
    - มีแอพที่ทำให้การเข้าถึงทวิตเตอร์และการเผยแพร่ข้อมูลที่ทวิตเตอร์ง่าย เช่น Google Chrome, Firefox ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทำให้หัวข้อฟีดไปแสดงที่บัญชีทวิตเตอร์โดยอัตโนมัติ

Facebook
1.การพัฒนาด้านภาษาซึ่งครูผู้สอนและผู้เรียนจำเป็นต้องใช้เฟซบุ๊กในการติดต่อสื่อสารและแสดงความเห็นต่างๆ เกี่ยวกับวิชาที่เรียนบนเฟซบุ๊ก ทั้งนี้ การใช้ เฟซบุ๊กเป็นประจำในการเขียนและอ่านข้อความต่างๆ จะช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกการเขียน การสะกดคำ และการใช้ไวยากรณ์ที่ถูกต้อง
2. การสื่อสารระหว่างบุคคลซึ่งเป็นสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครูผู้สอนกับครูผู้สอน ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน และผู้เรียนกับผู้เรียนในการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน รวมถึงสนับสนุนให้ผู้เรียนกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นต่างๆ มากยิ่งขึ้น
3. การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มซึ่งเฟซบุ๊กเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ ผู้เรียนผู้ใดผู้หนึ่งจะต้องรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายร่วมกับผู้เรียนผู้อื่นเป็นกลุ่ม ซึ่งเป็นการฝึกทักษะการเป็นผู้นำและการเป็นผู้ตาม
4. เพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

Cloud computing บทบาทในวงการการศึกษา มีสาเหตุจาก
- ความนิยมการสื่อสารทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยชีวิตของเด็กรุ่นใหม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตอย่างแยกจากกันไม่ได้
- กระแสลดภาวะโลกร้อน ผสานกับความต้องการประหยัดงบประมาณที่เกี่ยวข้อง
- การใช้งานที่ง่าย สะดวก ไม่ซับซ้อน ด้วยแนวคิดการออกแบบในยุค Cloud computing ที่เน้นการใช้งานในภาพรวมของกลุ่มคนส่งผลให้ระบบติดต่อผู้ใช้ ฟังก์ชันการใช้งานมีระบบที่ง่าย สะดวก ไม่ซับซ้อน ซึ่งสร้างแรงจูงใจให้ทุกคน ทุกวัยมีความสนุกกับการใช้ไอที

บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อการศึกษา
-ช่วยในเรื่องการเรียนรู้ เป็นเครื่องมือสนับสนุนการเรียนรู้หลายด้าน มีระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) ระบบสนับสนุนการรับรู้ข่าวสาร เช่น การค้นคว้าหาข้อมูลข่าวสารเพื่อการเรียนรู้ใน World Wide Web เป็นต้น
-ช่วยสนับสนุนการจัดการศึกษา โดยเฉพาะการจัดการศึกษาสมัยใหม่ที่จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลข่าวสารเพื่อการวางแผน การดำเนินการ การติดตามและประเมินผล ดังนั้น ICT จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ
-เทคโนโลยีสารสนเทศกับการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การสื่อสารระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน ผู้เรียนกับผู้เรียน โดยใช้ IT ในการดำเนินงาน เช่น การใช้โทรศัพท์ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ คอนเฟอเรนซ์ เป็นต้น

การสร้างสภาพแวดล้อมที่ใช้เป็นฐานการจัดการเรียนรู้
วารสารนานาชาติ CEEOL (Informatics Education-an International Journal, Issue Vol 5/2006) รายงานว่า การสอนของครู และการเรียนรู้ของนักเรียนที่ไม่สอดคล้องกันมีผลให้นักเรียนเครียดไปจนถึงล้มเหลวในการเรียนรู้ ความสมดุลระหว่างรูปแบบการสอนของครูและการเรียนของนักเรียนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อมีการเน้นกระบวนการเรียนรู้เป็นรายบุคคล การเรียนโดยใช้ ICT เป็นฐาน จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนมีทางเลือกในการเรียนรู้ได้หลายทาง

การเรียนรู้โดยไม่มีการสอน
ชีวิตจริงมีการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากการอยากเรียนอยากรู้ด้วยตนเองในสิ่งที่อยากรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ หากรู้ความต้องการที่แท้จริงของนักเรียนที่สอดคล้องกับเนื้อหาสาระตามหลักสูตร แล้วจัดแหล่งเรียนรู้ ตลอดจนระบบอินเทอร์เน็ตไว้พร้อมบริการได้เสมอ จะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ได้โดยไม่ต้องสอน หรือสอนแบบพบปะในห้องเรียนน้อยลง
หลักการสำคัญ
     1) ครูเป็นผู้นำส่งข้อมูลใหม่ ๆ กระตุ้นให้นักเรียนทำงาน เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่กำหนดไว้
     2) การให้ความรู้ที่นักเรียนต้องการจะช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ ดีกว่าการให้ความรู้ในสิ่งที่ครูต้องการ
     3) นักเรียนเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้ฟัง เป็นผู้ลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
     4) การใช้เวลาในการทำงาน หรืออ่านในสิ่งที่สนใจ จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ดีกว่าการฟังครูพูด

การใช้งานเป็นฐานการเรียนรู้
การนำงานมาเป็นศูนย์กลาง หรือเป็นหลักในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิดนี้ได้รับการพัฒนาโดย N Prabhu จากประเทศอินเดีย ที่เกิดจากแนวคิดที่ว่า นักเรียนจะเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพหากจิตใจแน่วแน่อยู่ที่งานที่ทำมากกว่าที่จะแน่วแน่อยู่ที่ภาษาที่ใช้ แบบแผนการใช้งานเป็นฐาน Jane Willis ได้ให้หลักการ PPP (Presentation, Practice, Production) ที่นักเรียนจะเริ่มต้นด้วยการทำงาน เมื่อทำเสร็จแล้วครูจะชักนำสู่การแก้ไข ปรับแต่ง
>>Jane Willis ได้เสนอกรอบแนวคิดเชิงกระบวนการไว้ 3 ประการ ได้แก่
-นำเข้าสู่บทเรียนโดยหัวข้อเนื้อหาสาระ และงานที่จะมอบหมายให้ทำ
-วางแผน ทำงาน และรายงานผล
-เน้นย้ำที่การใช้ภาษา วิเคราะห์ และฝึกปฏิบัติ (Analysis and practice)

รูปแบบการสอนโดยใช้ ICT
-เวิล์ดไวด์เว็บ (World Wide Web)
-ใช้สำหรับเป็นแหล่งความรู้เพื่อการสืบค้น
-อีเมล์ (e-mail)
-ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างอาจารย์หรือเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกัน
-กระดานข่าว (web board)
-ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างผู้เรียน อาจารย์ และผู้เรียนเป็นกลุ่ม ใช้กำหนดประเด็นหรือกระทู้ตามที่อาจารย์กำหนด หรือตามแต่นักเรียนกำหนด เพื่อช่วยกันอภิปรายตอบคำถามในประเด็นที่เป็นกระทู้นั้น ๆ
-แชท (Chat)
-ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างผู้เรียน อาจารย์และผู้เรียน โดยสนทนาแบบเวลาจริง (Real time) โดยมีทั้งสนทนาด้วยตัวอักษรและสนทนาทางเสียง (Voice chat)
ไอซีคิว (ICQ)
-ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างผู้เรียน อาจารย์และผู้เรียนโดยการสนทนาแบบเวลาจริง หรือจากนั้นแล้วเก็บข้อความไว้
คอนเฟอเรนซ์ (Conference)
-ใช้ติดต่อสารสารระหว่างผู้เรียน อาจารย์ และผู้เรียนแบบเวลาจริง โดยที่ผู้เรียนและอาจารย์สามารถเห็นหน้ากันได้โดยผ่านทางกล้อง ใช้บรรยายให้ผู้เรียนเสมือนว่ากำลังเรียนอยู่ในห้องเรียนจริง ๆ
การบ้านอิเล็กทรอนิกส์

-ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างผู้เรียน อาจารย์เป็นเสมือนสมุดประจำตัวนักเรียน โดยที่นักเรียนไม่ต้องถือสมุดการบ้านจริง ๆ และใช้ส่งงานตามที่อาจารย์กำหนด เช่น ให้นักเรียนรายงานโดยที่อาจารย์สามารถเปิดดูการบ้านอิเล็กทรอนิกส์ของนักเรียนและเขียนบันทึกเพื่อตรวจงาน และให้คะแนนได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น