วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดจากการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ICT

การวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดจากการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ICT

หัวข้อย่อย
• พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
• รู้เท่าทันนวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
• คุณธรรมจริยธรรมในการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
• สภาพปัญหาการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
• การแก้ปัญหาการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร


พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์

รู้เท่าทันนวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- การรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) คือ
- ความสามารถป้องกันตนเองจากการถูกจูงใจจากเนื้อหาของสื่อ การสามารถวิเคราะห์เนื้อหาของสื่ออย่างมีวิจารณญาณ เพื่อให้สามารถควบคุมการตีความเนื้อหาของสื่อที่ดู ฟัง หรือมีปฎิสัมพันธ์ด้วย แทนที่จะให้การสื่อความหมายของสื่อเป็นไปตามเจตนาของผู้ผลิตมาควบคุม
- การรู้เท่าทันสื่อ หมายถึง การที่เราไม่หลงเชื่อเนื้อหาที่ได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟัง แต่สามารถคิด วิเคราะห์ สงสัย และรู้จักตั้งค่าถาม เป็นต้นว่า จริงหรือไม่จริง ใครเป็นคนให้ข้อมูล เขาต้องการสื่อสารอะไร มีจุดมุ่งหมายแอบแฝงหรือไม่ ต้องการสื่อสารให้ใคร ใครได้ประโยชน์ ฯลฯ
"ใช้สื่ออย่างรู้ตัว"
-        - สามารถตีความ วิเคราะห์ แยกแยะเนื้อหาสาระของสื่อ
-        - สามารถโต้ตอบกับมันได้อย่างมีสติและรู้ตัว
-        - สามารถตั้งคำถามว่าสื่อถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร
ใช้สื่ออย่างตื่นตัว
-        - เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรุกบ้าง โดยการแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติม เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เข้าถึงสื่อที่หลากหลายและมีคุณภาพ สามารถใช้สื่อให้เกิดประโยชน์

สื่อมีอิทธิพลต่อความคิด ความเชื่อ พฤติกรรม
-        - เมื่อสื่ออยู่ล้อมรอบตัวเรา เห็นบ่อยๆ ได้ยินบ่อยๆ ก็มีอิทธิพลต่อความคิดของเราได้ คนจำนวนไม่น้อยเมื่อได้ยินคำโฆษณาผลิตภัณฑ์ในครั้งแรกก็คล้อยตาม รีบไปซื้อหามาใช้ทันที เพราะเชื่อว่าใช้แล้วคงขาวสวยเหมือนนางแบบในโฆษณา

บทบาทของ ICT มีเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ
-        - ทำให้เราเข้าถึงข้อมูลข่าวสารมหาศาล
-        - ทำให้กระจายข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว
-        - ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในเนื้อหาข้อมูลและสารสนเทศ
-        - ทำให้เกิดการหลอมรวมสื่อหลายประเภทเข้าด้วยกัน

ทักษะการเรียนรู้เพื่อเท่าทันสื่อ มีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ
-        - ความสามารถในการเข้าถึง (The ability to Access)
-        - ความสามารถในการวิเคราะห์ วิพากษ์ (The ability to Analyze)
-        - ความสามารถในการประเมินคุณค่าของสื่อ (The ability to Evaluate)
-        - ความสามารถในการสร้างสรรค์ หรือสื่อสาร (The ability to Create or Communicate information in a variety of form)

ความสามารถในการเข้าถึง (The ability to Access)
-       -  การได้รับสื่อประเภทต่างๆ อย่างเต็มที่ รวดเร็ว
-        - รับรู้และเข้าใจเนื้อหาของสื่ออย่างเต็มที่ ทำความเข้าใจอย่างมีประสิทธิภาพ
-        - สังเกต จดจำ และเข้าใจความหมายของคำศัพท์ สัญลักษณ์ และเทคนิคต่างๆ ที่ใช้ในการสื่อสาร
-        - ไม่ปักใจเชื่อเนื้อหาข้อมูลที่ได้รับทันที ควรหาที่มาของข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ที่หลากหลาย
-        - เลือกข้อมูล คัดกรองข้อมูล ในส่วนที่เราต้องการ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของเรา

ความสามารถในการวิเคราะห์ วิพากษ์ (The ability to Analyze)
-        - ตีความเนื้อหาสื่อตามองค์ประกอบและแบบฟอร์มของสื่อแต่ละประเภทว่าสิ่งที่สื่อน่าเสนอนั้น ส่งผลกระทบอะไรบ้างต่อสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ฯลฯ
-        - ใช้พื้นความรู้เดิมและประสบการณ์ในการคาดการณ์ถึงผลที่จะเกิดขึ้น
-        - ใช้กลวิธีการวิเคราะห์ต่างๆ ได้แก่ การเปรียบเทียบ การหาความแตกต่าง การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเหตุและผล การล่าดับความสำคัญ ฯลฯ ในการตีความและคาดการณ์ผลที่จะเกิด

ความสามารถในการประเมินคุณค่าของสื่อ (The ability to Evaluate)
-        - ประเมินคุณภาพของเนื้อหา ประเมินว่ามีคุณค่าต่อผู้รับสารมากน้อยเพียงใด ได้แก่ คุณค่าทางใจ อารมณ์ ความรู้สึก หรือมีคุณค่าทางศีลธรรม จรรยาบรรณ สังคม วัฒนธรรมหรือประเพณี
-        - สามารถน่าไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้รับสารในด้านใดได้บ้าง
-        - สร้างความเกี่ยวข้องของเนื้อหากับประสบการณ์ พร้อมเสนอความเห็นในแง่มุมที่หลากหลาย

ความสามารถในการสร้างสรรค์ หรือสื่อสาร (The ability to Create or Communicate information in a variety of form)
-        - การระดมสมอง วางแผน เรียบเรียง และแก้ไข
-        - ใช้ภาษาเขียนและภาษาพูดอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดตามหลักของภาษาศาสตร์
-        - สร้างสรรค์และเลือกภาพอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุเป้าหมายต่างๆ ที่กำหนดไว้
-        - ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารในการวางโครงสร้างของเนื้อหา

แนวทางการรู้เท่าทันสื่อและวิเคราะห์สื่อ
-        - สื่อคือสิ่งที่สร้างขึ้น - Media are Constructions
-        - สื่อมีเป้าหมายทางธุรกิจ/โฆษณา - Media Constructions have Commercial purposes
-        - สื่อสร้างค่านิยมและอุดมคติ - Media messages contain Values and Ideologies
-        - สื่อทำให้มีผลที่ตามทางการเมืองและสังคม - Media messages have Social and Political Consequences
-        - สื่อแต่ละชนิดมีเอกลักษณ์และข้อจำกัด - Each Medium has a unique Aesthetic Form

คุณธรรมจริยธรรมในการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
-       -  การแพร่ระบาดของเว็บไซด์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม
-        - Webcam
-        - อาชญากรคอมพิวเตอร์ เช่น แฮกเกอร์
-        - การแพร่ระบาดของไวรัสคอม



วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การประเมินสื่อ (Media)

การประเมินสื่อ (Media)
หัวข้อย่อย
แนวคิดการบ่งบอก (สะท้อน) ประสิทธิภาพสื่อการสอน
การประเมินชุดการสอนรายบุคคล
การประเมินบทเรียนสำเร็จรูป และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน

แนวคิด
1. การประเมินสื่อการศึกษา เป็นกระบวนการพิจารณาตัดสินคุณภาพของสื่อที่สร้างขึ้น เพื่อใช้ในการเรียนการสอนตามเอกัตภาพ
2. สื่อที่ใช้ในการจัดการศึกษาที่นิยมใช้มี 2 ชนิด คือ ชุดกิจกรรม หรือชุดการสอนรายบุคคล และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือบทเรียนโปรแกรม ซึ่งสื่อทั้งสองชนิดมีวิธีการหาค่าประสิทธิภาพแตกต่างกัน
3. เกณฑ์ E1/E2 คือ เกณฑ์ที่ใช้ประเมินชุดการสอน โดยดูจากค่าตัวเลขที่สะท้อนประสิทธิภาพจากการทำกิจกรรมระหว่างเรียน และการทดสอบหลังเรียน
4. เกณฑ์มาตรฐาน 90/90 (The 90/90 standard) คือ เกณฑ์ที่ใช้ประเมินบทเรียนสำเร็จรูป และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยดูจากค่าตัวเลขที่สะท้อนประสิทธิภาพจากการทดสอบหลังเรียน และร้อยละของผู้เรียนที่ผ่านทุกจุดประสงค์ของการเรียนรู้

วัตถุประสงค์
• อธิบายความคิดรวบยอดของการประเมินสื่อได้
• อธิบายเกณฑ์มาตรฐานสื่อได้อย่างถูกต้อง

การประเมินชุดการสอนรายบุคคล
• ความหมายของการทดสอบประสิทธิภาพ
-         การหาคุณภาพของสื่อ หรือชุดการสอน โดยพิจารณาตามขั้นตอนของการพัฒนาสื่อหรือชุดการสอนแต่ละข้อ“Developmental Testing”
-         การทดสอบคุณภาพตามพัฒนาการของการผลิตสื่อหรือชุดการสอนตามลำดับขั้นเพื่อตรวจสอบคุณภาพของแต่ละองค์ประกอบของต้นแบบชิ้นงาน ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

• ความหมายของการทดสอบประสิทธิภาพ
        การนำสื่อไปทดสอบ 2 ขั้นตอน
-         การทดสอบประสิทธิภาพใช้เบื้องต้น (Try Out)
-         ทดสอบประสิทธิภาพสอนจริง (Trial Run)
       หาคุณภาพของสื่อใน 3 ประเด็น คือ
-      การทำให้ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น
-      การช่วยให้ผู้เรียนผ่านกระบวนการเรียนและทำแบบประเมินสุดท้ายได้ดี
-      การทำให้ผู้เรียนมีความพึงพอใจ  
-      นำผลที่ได้มาปรับปรุงแก้ไข ก่อนที่จะผลิตออกมาเผยแพร่เป็นจำนวนมาก
• การทดสอบประสิทธิภาพเบื้องต้น
-         การนำสื่อหรือชุดการสอนที่ผลิตขึ้นเป็นต้นแบบ (Prototype) ไปทดลอบประสิทธิภาพใช้ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในแต่ละระบบ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของสื่อหรือชุดการสอนให้เท่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และปรับปรุงจนถึงเกณฑ์

• การทดสอบประสิทธิภาพสอนจริง
-         การนำสื่อหรือชุดการสอนที่ได้ทดสอบประสิทธิภาพใช้และปรับปรุงจนได้คุณภาพถึงเกณฑ์ของแต่ละหน่วย ทุกหน่วยในแต่ละวิชาไปสอนจริงในชั้นเรียนหรือในสถานการณ์การเรียนที่แท้จริงในช่วงเวลาหนึ่ง อาทิ 1 ภาคการศึกษาเป็นอย่างน้อย เพื่อตรวจสอบคุณภาพเป็นครั้งสุดท้ายก่อนนำไปเผยแพร่และผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก

• ความจำเป็นที่จะต้องหาประสิทธิภาพ
1.       สำหรับหน่วยงานผลิตสื่อหรือชุดการสอน การทดสอบประสิทธิภาพช่วยประกันคุณภาพของสื่อหรือชุดการสอนว่าอยู่ในขั้นสูง
2.       สำหรับผู้ใช้สื่อหรือชุดการสอน สื่อหรือชุดการสอนที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพ จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือช่วยสอนได้ดี
3.       สำหรับผู้ผลิตสื่อหรือชุดการสอน การทดสอบประสิทธิภาพจะทำให้ผู้ผลิตมั่นใจได้ว่า เนื้อหาสาระที่บรรจุลงในสื่อหรือชุดการสอนมีความเหมาะสม

• การกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพ
-         ความหมายของเกณฑ์ (Criterion)
          เกณฑ์เป็นขีดกำหนดที่จะยอมรับว่า สิ่งใดหรือพฤติกรรมใดมีคุณภาพและหรือปริมาณที่จะรับได้ การตั้งเกณฑ์ ต้องตั้งไว้ครั้งแรกครั้งเดียว เพื่อจะปรับปรุงคุณภาพให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่ตั้งไว้ จะตั้งเกณฑ์การทดสอบประสิทธิภาพไว้ต่างกันไม่ได้
-         ความหมายของเกณฑ์ประสิทธิภาพ
       ระดับประสิทธิภาพของสื่อหรือชุดการสอนที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เป็นระดับที่ผลิตสื่อหรือชุดการสอนจะพึงพอใจว่า หากสื่อหรือชุดการสอนมีประสิทธิภาพถึงระดับนั้นแล้ว สื่อหรือชุดการสอนนั้นก็มีคุณค่าที่จะนำไปสอนนักเรียน และคุ้มแก่การลงทุนผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก

• เกณฑ์ประสิทธิภาพสื่อ
-         E1 / E2
-         The 90/90  Standard

E1 / E2
ประสิทธิภาพของชุดการสอนจะกำหนดเป็นเกณฑ์ที่ผู้สอนคาดหมายว่าผู้เรียนจะเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นที่พอใจ โดยกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ของผลเฉลี่ยของคะแนนการทำงานและการประกอบกิจกรรมของผู้เรียนทั้งหมด ต่อเปอร์เซ็นต์ของผลการสอบหลังเรียนของผู้เรียนทั้งหมด คือ E1/E2 คือ ประสิทธิภาพกระบวนการ/ประสิทธิภาพผลลัพธ์

• ความคลาดเคลื่อนของผลลัพธ์
มีความคลาดเคลื่อนหรือความแปรปรวนของผลลัพธ์ได้
ไม่เกิน .05 (ร้อยละ 5) จากช่วงต่ำไปสูง = ±2.5 มีค่าต่ำกว่าเกณฑ์ ไม่เกิน 2.5% และสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ไม่เกิน 2.5%
หากคะแนน E1 หรือ E2 ห่างกันเกิน 5% กิจกรรมที่ให้นักเรียนทำกับการสอบหลังเรียนไม่สมดุลกัน

• ขั้นตอนการหาประสิทธิภาพชุดการสอน
- แบบเดี่ยว  (1 : 1) นำสื่อไปทดลองใช้กับนักเรียน  1-3 คน       โดยทดลองกับนักเรียนเก่ง  ปานกลาง  และอ่อน
- แบบกลุ่ม  (1 : 10) นำสื่อที่ปรับปรุงแล้วไปทดลองกับนักเรียน    6-10 คน ที่มีความสามารถคละกัน
- ภาคสนาม  (1 : 100) นำสื่อไปทดลองใช้ในชั้นเรียนที่มีนักเรียนตั้งแต่ 20-100 คน หากการทดลองภาคสนามให้ค่า E1/E2 ไม่ถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้จะต้องปรับปรุงสื่อ แล้วทำการทดสอบประสิทธิภาพซ้ำ

• การประเมิน CAI บทเรียนสำเร็จรูป บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เกณฑ์มาตรฐาน 90/90 (The 90/90 standard) รองศาสตราจารย์ ดร.เปรื่อง กุมุท

• แนวคิดพื้นฐานของการสร้างเกณฑ์มาตรฐาน 90/90
          การบอกค่าประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป หรือบทเรียนโปรแกรม (Programmed Materials หรือ Programmed Textbook หรือ Programmed Lesson) ซึ่งเป็นสื่อที่มีเป้าหมายหลักเพื่อให้ผู้เรียนใช้เรียนด้วยตนเองเป็นสำคัญ หลักจิตวิทยาสำคัญที่เป็นฐานคิด ความเชื่อของสื่อชนิดนี้คือ ทฤษฎีการเรียนแบบรอบรู้ (Mastery Learning) ซึ่งมีความเชื่อว่า ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ หากจัดเวลาเพียงพอ จัดวิธีการเรียนที่เหมาะสมกับผู้เรีย นก็สามารถที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามวัตถุประสงค์ของการเรียนได้

• เกณฑ์ประสิทธิภาพ 90/90
-         เหมาะกับการหาประสิทธิภาพสื่อที่เรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่จำกัดเวลาเรียน
-         แบบเรียนสำเร็จรูป
-         แบบเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
-          
• การเตรียมความพร้อมก่อน การหาค่าประสิทธิภาพ
1. กำหนดวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมของการเรียนรู้ที่จะเกิดขึ้นจากสื่อให้ชัดเจน ซึ่งองค์ประกอบของวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่ดีย่อมต้องประกอบด้วย
          1.1 สถานการณ์หรือเงื่อนไข
          1.2 คำบ่งบอกพฤติกรรมที่สังเกตและวัดได้
          1.3 เกณฑ์ที่บ่งบอกถึงความสำเร็จ
2. สร้างตารางวิเคราะห์หลักสูตร เพื่อกำหนดค่าน้ำหนักของเนื้อหาสาระในแต่ละวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
3. ออกข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามค่าน้ำหนักที่กำหนด ซึ่งจะทำให้ได้ข้อสอบวัดครบถ้วนตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมทุกข้อ
4. จัดทำข้อสอบ โดยจะต้องรู้ว่าข้อสอบข้อใดวัดจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อใด

• เกณฑ์มาตรฐาน 90/90 (The 90/90 standard)
นิยามความหมาย “เกณฑ์มาตรฐาน 90/90”
90 ตัวแรก = ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยที่ได้จากการทดสอบหลังการเรียน
90 ตัวหลัง = ร้อยละของจำนวนนักเรียนที่ผ่านทุกจุดประสงค์ตามเกณฑ์วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม

• วิธีคำนวณ
• 90 ตัวแรก = {(∑X /N) X 100)}/R
90 ตัวแรก       หมายถึง จำนวนร้อยละของคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบ
                             หลังเรียน
∑X                หมายถึง คะแนนรวมของผลการทดสอบที่ผู้เรียนแต่ละคน
                             ทำได้ถูกต้องจากการทดสอบหลังเรียน
N                 หมายถึง จำนวนผู้เรียนทั้งหมดที่ใช้เป็นกลุ่มตัวอย่างใน
                             การคำนวณประสิทธิภาพ
R                  หมายถึง จำนวนคะแนนเต็มของ แบบทดสอบหลังเรียน

• 90 ตัวหลัง= (Y x 100)/ N
90 ตัวหลัง      หมายถึง จำนวนร้อยละของผู้เรียนที่สามารถทำ
                             แบบทดสอบผ่านทุกวัตถุประสงค์

Y                  หมายถึง จำนวนผู้เรียนที่สามารถทำแบบทดสอบผ่าน
                             ทุกวัตถุประสงค์

N                 หมายถึง จำนวนผู้เรียนทั้งหมดที่ใช้เป็นกลุ่มตัวอย่างใน
                             การคำนวณประสิทธิภาพครั้งนี้

• หลักการประเมิน
    การประเมินสื่อที่เรียนรู้ด้วยตนเองจะมุ่งรับประกันคุณภาพใน 2 ประเด็น คือ
1. บ่งบอกคุณภาพของผลลัพธ์การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน
2. บ่งบอกศักยภาพของสื่อว่าสามารถจะพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ครบถ้วนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ได้เป็นจำนวนเท่าใด


วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การประเมินผลทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทางการศึกษา

การประเมินผลทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทางการศึกษา

หัวข้อย่อย
ประเด็นประเมิน
เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน
วิธีประเมิน

การประเมิน หมายถึง กระบวนการใช้ดุลพินิจ (Judgment) ในการพิจารณาตัดสินคุณค่าของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยการเปรียบเทียบผลที่วัดได้กับเกณฑ์ที่กำหนดไว้
แนวคิดของการวัดและประเมินสื่อ

แนวคิดเดิมของการวัดผลจะเกี่ยวข้องกับการวัด (Measurement) และการประเมินผล (Evaluation)
การวัด เป็นกระบวนการกำหนดระดับชั้นของลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล คุณภาพ ความสามารถหรือสิ่งต่าง ๆ ตามกฎเกณฑ์ ออกมาเป็นตัวเลข
การประเมินผล เป็นกระบวนการตัดสินคุณค่าจากข้อมูลที่รวบรวมได้จากการวัด ตามเกณฑ์หรือมาตรฐานที่กำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการตัดสินคุณค่า ในปัจจุบันใช้คำว่า การประเมิน (Assessment) เข้ามาแทนที่ 

การประเมินและการพัฒนาสื่อ

ประเด็นประเมิน
1. กำหนดเป้าหมายการประเมิน
-จะประเมินไปทำไม
-จะนำผลประเมินไปทำอะไร
2. กำหนดวัตถุประสงค์ของการประเมิน
          -ต้องการทราบ หรือตรวจสอบอะไร                  
          -ตามเป้าหมายที่กำหนด จะต้องทราบสิ่งใด
 3.  กำหนดคุณลักษณะ ตัวบ่งชี้ หรือประเด็นที่จะประเมิน
          -ประเมินจากอะไร                                                    
          -ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด จะตรวจสอบจากอะไร หรือประเด็นใด

เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน




วิธีประเมิน
1. การประเมินรายบุคคล 
เป็นการพิจารณาความก้าวหน้าของผู้เรียนรายบุคคลในห้องเรียนหรือในกลุ่ม อาจประเมินโดยอิงกลุ่ม (ใช้มาตรฐานของกลุ่มกับผู้เรียนทุกคน) อิงเกณฑ์ (ใช้เกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ล่วงหน้าตัดสินผู้เรียนทุกคน) หรืออิงตนเอง (ใช้ความสามารถระดับเดิมของผู้เรียนเป็นมาตรฐานเพื่อตัดสินพัฒนาการหรือการปฏิบัติ)ได้

2. การประเมินกลุ่ม (Group Assessment)
เป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของผู้เรียนในสถานการณ์กลุ่ม และตัดสินความก้าวหน้า อาจให้คะแนนผู้เรียน ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มเป็นรายบุคคลหรือใช้คะแนนบุคคลบวกกับคะแนนกลุ่ม

3)   การประเมินตนเองและเพื่อน (Self – Peer assessment)
จะทำให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบ ในการประเมินงานของตนและงานของเพื่อนร่วมห้อง ผู้เรียนได้มีส่วนเข้าร่วมกำหนดเกณฑ์การประเมินด้วย